กลยุทธ์การจัดการการเงินและการออกจากการเทรดฟอร์เร็กซ์
กลยุทธ์การจัดการการเงินและการออกจากการเทรดฟอร์เร็กซ์
เราเชื่อว่าถึงเวลาที่จะเปิดประเด็นใหม่เกี่ยวกับ Money Management (ขอใช้คำเดิมของมันดีกว่าแปลแล้วให้ความรู้สึกตลก)
ต่อไปนี้เราจะพูดถึงเรื่องระบบเทรดและวิธีการที่จะช่วยให้เราควบคุมการขาดทุน และ จำกัดความเสี่ยง ปรับปรุงอัตรา Win Loss หรืออีกแง่หนึ่ง ทุก ๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับ Money Management (เอาเป็นใช้ตัวย่อว่า MM เลยละกัน ฮ่า) ใน Forex กัน
เราหวังว่าหัวข้อนี้จะสร้างความน่าสนใจเกี่ยวกับ MM ในการเทรดค่าเงิน และช่วยให้คุณมี Win Ration เยอะขึ้นในระบบเทรดของคุณ
ขอให้มีความสุขกับการเทรดด้วย MM!
ขอแสดงความนับถือ,
Edward Revy
และทีม Forex Strategies Team
1. Money Management ที่ใช้การได้
กฏข้อที่ 1: อย่าเสี่ยงเกิน 2 % ของเงินในบัญชี
กฏข้อที่ 2: ใช้แนวรับแนวต้านตามธรรมชาติในการตั้ง Stop loss
กฏข้อที่ 3: ใช้ระยะทางที่มันวิ่งได้ในการคำนวณ Stop loss หรือในการคำนวณขนาดของ Lot
กฏทองของ MM คืออย่าเสี่ยงเกิน 2 % ของบัญชีเทรดของคุณในการเทรดครั้งเดียว ซึ่งหมายถึงจำนวนที่คุณอาจจะขาดทุน ไม่ได้หมายความจำนวนที่คุณจะเทรด คุณสามารเทรดได้ 5 % 10 % หรือ 20 % ของเงินทุน แต่ว่า Stop loss ต้องไม่เกิน 2 % ของบัญชี การใช้ความเสี่ยง 2 % กับ ระยะ Stop loss คุณจะสามารถคำนวณ Lot ที่ต้องใช้ในการเทรด ซึ่งจะต้องเท่ากับ 2 % ของการเทรดถ้า Stop loss ทำงาน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องคำนวน Stop loss
การตั้ง STOP-LOSS: เครื่องมือใด ๆ ที่สามารถระบุแนวรับแนวต้านได้ถือว่าใช้ได้ คุณสามารถใช้เทรนด์ไลน์ เป็นแนวรับแนวต้าน ใช้ Moving Average, หรือ Parabolic SAR ส่วนของผม ผมชอบใช้ a Moving Average หรือ Parabolic SAR, ทั้งคู่พร้อมกับ Price Action พร้อมกับ ตั้ง Trailing Stop
CALCULATE STOP-LOSS RANGE: สำหรับ ออริเดอร์ Buy ตั้ง Parabolic SAR เป็นจุด stop-loss
CALCULATE 2% OF ACCOUNT FUNDS.
2. Money management system #1 (Lucky 7 - trading sequence)
Submitted by Dachel Miqueli
โอเค นานมาแล้วที่ผมไม่ได้โพสต์อะไรเลย แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมหยุดเทรดไปแล้ว ผมมีระบบเทรดที่ดีมานำเสนอวันนี้ และเหมาะสำหรับบุคคลิกอย่างผมเป็นที่สุด ดังนั้น สิ่งที่ผมต้องการจะแชร์วันนี้ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้ แต่ระบบนี้ไม่ใช่ระบบของผม ต้องยกเครดิตให้ FXTraderpro ผมโมดิฟายมันนิดหน่อยเพื่อให้เหมาะกับผม
ก่อนที่คุณจะอ่านต่อไป ผมต้องบอกว่า ระบบนี้เป็น semi-martingale system ซึ่งคุณต้องควบคุมการขาดทุนของคุณแทนที่จะต้องขาดทุนทั้งหมดเหมือนกับ ระบบ martingale อื่น ๆ winning risk ratio คือ 1/2.
นี่คือรายละเอียด:
1) เราเปิดออร์เดอร์เทรดตามเกณ์ของเรา เช่น Buy EURUSD ที่ราคา 1.3500. Stop Loss ปกติคือ 10 Pips ที่ราคา 1.3490 และ Take Profit คือ 50 Pips ที่ราคา 1.3550 ซึ่งนี่คือจุดที่เป็นไปได้ที่ว่ามันจะชน
2) ถ้าเกิดเข้าเทรดแล้วชน Take Profit เราก็รอสัญญาณใหม่และเทรดต่อไปอีกครั้ง
3) ถ้าชน Stop Loss การเทรดต่อไปของเราคือ SELL (และออร์เดอร์ข้างบนคือ Buy ) ซึ่งเราเข้าเทรดที่ราคาตลาดเมื่อ ราคาชน Stop loss โดยจะใช้ Take Profit = 50 and Stop Loss = 10 เหมือนกัน ออร์เดอร์จะถูกเปิดใหม่ทุกครั้งที่ชน Stop loss โดยเปิดทิศทางตรงข้ามกัน และ รอบของการเทรดจะจบลงเมื่อราคาชน Take Profit

กระบวนการเทรดคือ เมื่อราคาชน Stop loss การเทรดต่อไปคือ:
* เทรดในออร์เดอร์ตรงกันข้าม
* จุดตั้ง Stop loss และ Take Profit settings ยังเหมือนเดิม คือ 10 และ 50 จุด
* จำนวนของ Lot นั้นแล้วแต่ว่า ขนาดของบัญชี โตขึ้นหรือลดลง
หมายเหตุผู้แปล*
1. ต้นฉบับมีการแนบ ไฟล์ Excel ไว้ แต่กำไรต่อจุดหรือลักษณะของบัญชีแต่ละ Broker แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ Leverage ที่ใช้ด้วย จึงไม่ได้นำมาแนบไว้ในนี้ สนใจดูได้ที่ http://forex-strategies-revealed.com/money-management-systems
2. ผู้เขียน บอกว่าราคาชน Stop loss เข้าใจว่า เป็นการตั้งในใจไว้ แล้วส่งออร์เดอร์ Sell แต่เราสามารถส่งออร์เดอร์ Sell Stop และ Buy Stop แทนได้ อย่างที่เห็นไม่ได้มีการเบิ้ลลอทแต่อย่างใด แม้จะสามารถประยุกต์ได้ แต่ข้อควรระวังไม่ใช่เรื่องของระบบ แต่เป็นความโลภของเราเอง ระบบนี้ดีพอที่จะทำกำไรได้ ^ ^
ถ้ามีคนสนใจมาก ผมจะเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าเทรดและออก แน่นอนคุณก็สามารถใช้วิธีการของคุณได้เหมือนกัน และเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับการเข้าเทรดผมเทรดมาเป็นเดือนแล้ว และมันกำลังพัฒนาไปเรื่อย ๆ
Dachel Miqueli
dachelm@yahoo.es
Money management system #2 (Getting free trades)
อะไรคือ free trades?
สิ่งที่ดีที่สุดในการเทรดค่าเงินคือ คุณสามารถเทรดโดยไม่ต้องขาดทุน นั่นคือการเทรดที่มี Stop loss ตั้งไว้ที่จุดคุ้มทุน + Spread แล้ว ซึ่งคือการย้าย Stop loss เมื่อเราสามารถตั้งได้
การย้าย Stop นั้นเป็นเหมือนศิลปะ คุณต้องตั้งให้พอเหมาะที่จะรอดจากการแกว่งตัวของตลาดและไม่มากเกินไปที่จะทำให้กำไรหดหาย
ทำอยางไร?
วิธีหนึ่งที่ง่ายคือการเทรดด้วย Trailing Stop โดยใช้ Parabolic SAR .

กลยุทธ์การใช้ trailing stop strategy
หลังจากที่เข้าเทรด stop loss ถูกตั้งตามจุด SAR ใหม่ทุก ๆ ครั้งซึ่งเราจะตั้งจนถึงจุดคุ้มทุนของเราได้
Parabolic SAR indicator จะทำให้เราไม่ตั้ง trailing stop ใกล้เกินไปกับจุดเข้าเทรด อย่างไรก็ตาม ถาเกิดมีการแกว่งตัว High/Low สูง เราแนะนำว่า การใช้ แนวรับแนวต้านอาจจะตั้ง Stop loss ให้สูงกว่าจุดแนวรับแนวต้านหน่อยหนึ่ง โดยไม่ใช้ Indicator ในสภาพตลาดดังกล่าว
จากจุดนี้เราสามารถเทรดได้บนจุดคุ้มทุน เราสามารถมีความสุขกับการเทรด และการย้าน Stop loss ซึ่งเป็นเวลาในการ Lock กำไรของเราไว้ วิธีการหนึ่งที่ใช้ในการย้าย Stop loss คือ เมื่อแท่งเทียนใหม่เคลื่อนไหวไปในทิสทางที่คุณคิดไว้ .
ไม่สำคัญว่า อินดิเคเตอร์ หรือว่าวิธีการไหนที่คุณจะเลื่อกในการขยับ Stop loss เป้าหมายคือการเลื่อน Stop loss ให้ไปอยู่ที่จุดคุ้มทุนเร็วที่สุดและปลอดภัยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พูดคุยเกี่ยวกับ ความปลอดดภัย : ผมรู้จักเทรดเดอร์หลายคน ที่ตั้ง Stoploss ทันทีที่ตั้งได้โดยห่างแค่ 5 pip ซึ่งราคาที่เทรดแกว่งอยู่ช่วง 10-15 pips แนวคิดของพวกเขาคือ ต้องรอทำไม?
ด้วยวิธีการนี้ เหตุการณ์จะมี 2 เหตุการณ์ คือ + กำไร 5 จุด ซึ่งน่าจะเกิดบ่อย 90 % หรือ ต้องพัฒนาจุดทำกำไรที่เหมาะสม ที่ไม่ชนบ่อยเกินไป
หมายเหตุ : การที่จะประสบความสำเร็จด้วยวิธีนี้ เราต้องเลือกจุดเข้าที่ใกล้กับ จุดกลับตัวมากที่สุด ( เพราะว่าจุดดังกล่าว จะมีขาดทุนในตอนแรก แต่ว่าจะได้กำไรตอนหลัง - แต่ไม่แนะนำ) หรือคุณควรมองหาจุดเข้าเทรดที่เป็นเทรนด์ที่เกิดเป็นเทรนด์แล้ว
ประเด็นของเรื่องการได้ออร์เดอร์ฟรีเทรดคือ : ไม่มีอะไรจะดีเท่ารู้ว่า " คุณไม่มีทางขาดทุนออร์เดอร์นี้ในการเทรด" การได้ฟรีเทรดเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะสามารถจัดการกับใจของเราได้ในการเทรด Forex
Happy and profitable trading!
3M oney management system #3 (Lot size management)
นี่เป็นการจัดการ size management อีกวิธีหนึ่ง :
ตัวย่อ :
L - loss
W - win
1L - ขาดทุน 1 lot
2W -กำไร 2 2 lots
กฏของ Lot size management :
Rule #1. ถ้าคุณเทรดได้กำไรในออร์เดอร์แรก นับว่าเป็น win และเริ่ม ซีรี่ส์ใหม่ ;
Rule #2. เมื่อคุณขาดทุน ให้เทรดขนาดเดิม จะกว่าคุณจะได้กับไร หลังจากที่คุณ win 1 ครั้ง ให้คุณเทรดเท่ากับผลรวมของออร์เดอร์ขาดทุนที่คุณเทรด(ตัวอย่าง หลังจากที่ Loss 4 ครั้ง ครั้งละ 1 Lot และ win 1 ครั้ง 1 Lot ครั้งต่อไปให้เพิ่ม Lot เท่ากับ 4 Lot ตามตัวอย่างนี้)
Rule #3. ถ้าคุณขาดทุนหลายครั้ง และ 1 ครั้งขาดทุน แล้วหลังจากนั้นขาดทุนอีก ขนาดการเทรดของคุณ คุณจะต้องคูณด้วยระยะทางการขาดทุนที่กว้างที่สุดนั้นกับออร์เดอร์ปัจจุบัน
(ตัวอย่าง 1: หลังจากที่ขาดทุน 2 losses ที่ 1 lot, 1 win ที่ 1 lot, 3 losses ที่ 2 lots, และ 1 win ที่ 2 lots, ตอนนี้คุณต้อง เทรด 6 Lot นั่นคือ (3 losses คูณ 2 lots)
Example 2: หลังจากที่ขาดทุน 3 losses ที่ 1 lot, 1 win ที่ 1 lot, และ 2 losses ที่ 2 lots, คุณจะต้องเทรด6 Lot เพราะว่า ออร์เดอร์ปัจจุบันคือ 2 และจำนวนขาดทุนที่มากที่สุดคือ 3 )
ผลของระบบนี้คือว่า เทรดเดอร์จะคืนทุนก่อนที่จะกำไร 2 ครั้งติดต่อกัน ซึ่งมันจะเกิดขึ้นเมื่อการเทรดครั้งที่สองเพราะว่า จำนวนที่เทรดนั้นเท่ากับขาดทุนที่เราเทรดมา ตัวอย่างเช่น : L L L L W L L W จุดนี้เราจะได้กำไรเท่านั้น แล้ว .
ความอันตรายคือ การ Lose หลายครั้ง ที่ไม่มี win ติดต่อกัน เช่น: L L L L W L L L L L L L W ซึ่งจะนำไปสู่ Lot 28 (ขาดทุน 7 losses คูณด้วยขนาด การเทรด Lot 4) ถ้าเพิ่ม Loss ไปอีก 2 คุณต้องใช้ Lot ถึง 56 และยังต้องการกำไร 2 ครั้งถึงจะเท่าทุน อีกแง่หนึ่ง ถ้าระบบเทรดของคุณมันขาดทุนบ่อยขนาดนี้ ก็เปลี่ยนระบบเถอะ:)
Happy trading!
หมายเหตุผู้แปล* คำเตือน การลองทุนมีความเสี่ยง โปรดเทรด Demo ก่อนและทดสอบระบบเทรดของตนให้แน่ใจ คิดถึงความเสี่ยงรอบด้านก่อนจะตัดสินใจใช้ระบบ ผู้เขียนและผู้แปล ไม่ได้ชี้นำหรือรับรองว่า ระบบนี้จะไม่ ล้างพอร์ท
Money management system #4 (Scaling into a position)
การสร้าง positions step-by-step: การเทรดที่ปลอดภัยมาก
ความแตกต่างของพื้นฐานการเทรดว่า มือใหม่และมืออาชีพนั้นอยู่ในการกำหนดขนาดการเทรด และ การสร้าง Position ขณะที่มือใหม่ จะเลือกขนาดตามการวิเคราะห์และกลยุทธ์ และต้องฝากชีวิตไว้กับ ออร์เดอร์เพียงออร์เดอร์เดียว นักเทรดที่มีประสบการจะสร้าง position ใช้ Layer ซึ่งการเทรดแต่ละครั้ง จะต้องดูจากออร์เดอร์ที่เทรดก่อนหน้า โดยเฉพาะกลยุทธ์เทรดตามเทรนด์ กระบวนการเข้าเทรดทำให้เราควบคุมความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพในการเทรดฟอร์เร็ก และทำกำไรได้สูงสุด
กำไรทางอารมณ์
ประโยชน์หนึ่งของ ระบบเทรดที่เป็น Layer ความสามารถในการลดภาวะทางอารมณ์ โดยความเสี่ยงแต่ละ position น้อย การสร้างกำไรนั้นแล้วแต่เหตุการในตลาด ซึ่งใช้ Lot แค่ 1000 นั้นจัดการง่ายกว่า 10000 position (อันนี้แต่ละ Broker ไม่เท่ากันจ้า)
การเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง
ถ้าใช้ stop loss เราสามารถเทรดโดยไม่มีความเสี่ยง ถ้าเหตุการณ์เป็นอย่างที่คิด เราจะพูดถึงและดูตัวอย่างกัน ซึ่งหลักการคือการตั้ง Stop loss ให้ใกล้จุดเข้าเทรดของออร์เดอร์อีกออร์เดอร์หนึ่ง จะทำให้เราปลอดภัยมากขึ้น
เทรดยาวหรือ เทรดสั้น ?
ระบบเทรด layered-entry method นั้นใช้ได้ทั้งระยะยาวและระยะสั้น แต่ว่ามันจะให้ผลตอบแทน Risk Reward ดีขึ้นในระยะยาว
ในกรณีการเทรดระยะยาว ออร์เดอร์จะอ่อนไหวต่อตลาดน้อยกว่า เพราะว่า แต่ละออร์เดอร์จะอยู่ห่างกันมาก และ จุดทำกำไรของเราก็จะกว้างซึ่งขึ้นอยู่กับ Time Frame ที่เราใช้ในการเทรด และสามารถลดอัตราต้นทุน(spread ต่อกำไรได้ เราสามารถบอกได้ว่า กลยุทธ์ การเข้าเทรดเป็น เลเยอร์ใช้ได้ดีในระยะยาว
แล้วเราจะประยุกต์ใช้กระบวนการเทรดนี้ได้อย่างไร ?
มันง่ายและตรงไปตรงมา เราจะอธิบายในตัวอย่างที่กระชับ
ข้างล่าง เราจะเห็นกราฟ รายชั่วโมงค่าเงิน GBPAUD เราเลือกกราฟนี้เพราะว่า มันแสดงว่าเป็นขาลงและง่ายต่อการวิเคราะห์ Williams percent บอกว่า เราต้องส่งออร์เดอร์ ตำกว่าเส้น ซึ่งถือว่าเป็นจุดเข้าที่ดี แม้ว่ามันจะให้สัญญาณหลอกบ้าง แต่ว่ามันเหมาะที่สุดในการเข้าเทรดตลาดที่มีความผันผวนและมีการเคลื่อนไหวที่ชัดเจน จุดประสงค์ของเราคือการเทรดเทรนด์โดยไม่ต้องกังวลใจกับออร์เดอร์ขนาดใหญ่ต่อครั้งในการเทรด การสร้าง position จะใช้ price action

เครื่องหมายลูกศรชี้ลง แสดงให้เห็นว่านั่นคือจุดที่ราคา แตะเส้น Trendline และเป็นเวลาที่ออร์เดอร์ต้องเปิด Sell position ซึ่งเราจะใช้ ค่าต่ำสุดสูงสุดของ Williams oscillator ที่ 100, -100 ในการทำกำไร และ จุดตัดขาดทุน จะเหนือกว่า 20 -30 จุดเหนือเส้นเทรนด์ไลน์ในแต่ละการเทรด หลังจากที่เปิดออร์เดอร์แรกที่ราคา 2.091 เราพบว่า Williams Oscillator ถึงจุดพีคอย่างรวดเร็ว ทำให้เราต้องปิดออร์เดอร์และทำกำไร และป้องกันเราจากการใช้ระบบ เลเยอร์ในการเทรด ออร์เดอร์ที่สองเราเปิดที่ราคา 2.085 แต่ไม่ได้มีสัญญาณพีคจาก William % ราคาที่ 2.083 และต่อมาเราเปิด Short อีก ออร์เดอร์หนึ่ง หลังจากนั้น เราเห็นว่า William Oscillator ถึงจุดพีค ถึงเวลาที่ทำเรากำไรจากออร์เดอร์ทั้ง 2
เราจะยังสามารถตั้ง stop-loss order ที่ราคาเปิดอันแรก เมื่อเราเปิดอันที่ 2 ที่ราคา 2.08 เพื่อลดความเสี่ยงโดยรวมลงครึ่งหนึ่ง
เมื่อราคาแตะเส้นเทรนด์ไลน์เป็นครั้งที่ 4 ที่ลากไว้ เราสามารถเข้าออร์เดอร์ Short และปิดอีกครั้งเมื่อ Williams Oscillator ถึงจุด พีค
ซึ่งกระบวนการเทรดนี้ แล้วแต่เทรดเดอร์ว่าจะใช้เงื่อนไขแตกต่างกันไปตาม การใช้ indicator ร่วมกันยังไง และเราต้องจำไว้ว่า ตัวอย่างของเรานั้นพยายามให้มันเข้าใจง่ายที่สุด ซึ่งไม่มีระบบไหนที่จะทำให้เราได้กำไรอย่างสม่ำเสมอ แต่ว่าเราต้องพยายามทดสอบกฏและระบบนั้นก่อน หลักการของ MM ซึ่งจะช่วยลดระยะทางให้เรา และ ลดภาระ และเราต้องพยายามหาโบรคเกอร์ที่เหมาะกับระบบและลักษณะของเราใช้มันด้วยกันให้ได้ประสิทธิภาพเพื่อประสบความสำเร็จและขาดทุนน้อยที่สุด
Credits to: http://www.forextraders.com
aaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaaa
Money management system #5 (Winning risk : reward ratio)
Risk/reward ratio เป็หนึ่งในตัววัดที่มีอิทธิพลในระบบเทรดฟอร์เร็ก
การมี risk/reward ratio ที่ดีจะสามารถทำให้ระบบที่ไม่สามารถทำกำไรได้ กลายเป็นกำไร ขณะที่ risk/reward ratio ที่ไม่ดี ทำให้การเทรดที่กำไรกลายเป็นขาดทุนได้เช่นกัน
อะไรคือ risk/reward ratio? (คืออัตราความเสี่ยง : ผลตอบแทน แต่ขออนุญาติใช้ทับศัพท์จ้า)
Risk - หมายถึงจำนวนของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงประกอบด้วย ในตลาด Forex หมายถึงระยะห่างของระดับ Stop loss จากราคาที่เปิด เป็นจุด และคูณด้วยจำนวน Lot ในการเทรด เช่น ตั้ง Stop loss 50 จุด เทรดที่ 2 Lot จะทำให้เรามีความเสี่ยงเท่ากับ 100 pip
Reward - จำนวนของ pip ที่เราคาดว่าจะได้ในการเทรดแต่ละครั้งหรือพูดได้อีกแง่คือ ระยะทางที่ไปถึงจุด Take profit
ตัวอย่างของ risk/reward ratio:
100 pips stop vs 200 pips profit จะให้อัตราส่วน 1:2 risk/reward.
25 pips stop vs 75 pips profit ให้อัตราส่วน 1:3 risk/reward ratio.
ทำไมต้องคิดเป็นอัตรส่วน risk/reward ratio ?
ระบบเทรดส่วนใหญ่ สามารถจะสร้าง อัตราการเทรดชนะ 50 % และจะทำกำไรได้ถ้าอัตราส่วน 1:2 risk/reward ratio หรือสูงกว่านั้น
หรืออีกแง่หนึ่ง ระบบเทรดซึ่งมีอัตราการเทรดกำไร มากกว่า 70% ก็อาจจะไม่ได้กำไรถ้า อัตรา Risk/Reward เท่ากับ 3:1 risk/reward ratio.
ความเสี่ยงน้อย กำไรเยอะ: เป็นสูตรของการทำกำไรที่เทรดเดอร์มืออาชีพใช้
พวกเขาทำได้อย่างไร เราลองมาดูตัวอย่างกันซักหน่อย :
ด้วยความเสี่ยงที่ต่ำ และ ผลตอบแทนที่สูงที่ทดสอบตามแนวเส้นเทรนด์ไลน์ เทรดเดอร์ที่มีประสบการจะทำให้เขาสามารถเทรดผิดได้หลายครั้ง ก่อนที่จะได้กำไรคืนในตอนท้าย

ช่วงที่ตลาดแกว่งตัวนั้น เป็นช่วงที่มีอัตราความเสี่ยงต่ำ และ ผลตอบแทนสูง นอกจากนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับการเข้าเทรดอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับ การตรวจสอบเทรนด์และการกำหนดทิศทางที่คุณได้เปรียบ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงของการที่ต้องออร์เดอร์ชน Stop loss บ่อย

พวกที่ชอบโต้คลื่นชอบขี่เทรนด์โดยการเข้าตามจุดต่าง ๆ ของการย่อตัวของเทรน ซึ่งสามารถศึกษาได้จากอินดิเคเตอร์ต่าง ๆ เช่น: Fibonacci levels, support/resistance levels, trend lines, moving averages, ซึ่งใช้เป็นเส้นเทรนด์ได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเห็นระดับการย่อตัวและเกิดจุดกลับตัว เมื่อเราวิเคราะห์การย่อตัวที่มีรูปแบบซับซ้อนขึ้น เราต้องศึกษามากขึ้นในเรื่องของระดับราคาต่าง ๆ

ไม่สำคัญว่าคุณใช้ระบบเทรดไหน ถ้าคุณมั่นใจว่า อัตรา risk:reward ratio ตั้งไว้อย่างเหมาะสม คุณจะสามารถเทรดได้กำไร แม้ว่าจำนวนของการขาดทุนในการเทรดจะเยอะกว่า จำนวนที่ครั้งที่คุณทำกำไรได้
Happy trading!
Exit strategy #6 (Tight stop timing with CCI)
ความท้าทายของวันนี้คือ : จะออกจากการเทรดอย่างไรโดยไม่ให้ขาดทุนมาก
ระบบเทรดวันนี้ : จะพูดถึงว่าจะใช้ CCI indicator อย่างไรถึงจะรู้ว่าสามารถทำกำไรหรือปิดออร์เดอร์ได้ถูกราคา
แนวคิดนั้นค่อนข้างง่าย : เราต้องกำหนดว่าเมื่อราคาเคลื่อนไหวต่อเนื่อง เราต้องทำกำไรและ ปล่อยให้ตลาดเคลื่อนไหวต่อไปจนมันหมดแรงพร้อมที่จะเกิดจุดกลับตัว
เพื่อให้เห็นได้ชัด ผมเลือกกราฟ 15 min EURUSD และใช้ 30 CCI.
สำหรับคู่เงินอื่นหรือ Time Frame อื่น สามารถตั้งค่อนข้างง่าย ไม่มีกฏตายตัว ผมแนะนำให้คุณลอง ถ้าคุณสามารถสร้างเงื่อนไขการเทรดที่ดีลองมาแชร์กันนี้นี่
กลับมาเข้าประเด็น :
ในภาพข้างล่าง มาดูเส้น Parabolic SAR (0.1, 0.1). เป็ฯตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ trailing stop trading: เทรดเดอร์สามารถใช้ Trailing Stop ในแต่ละจุดของ SAR จนกว่ามันจะชน Stop loss เอง
ทีนี้เรามาดู CCI.
เราจะดู CCI เมื่อมันเกิน 100 (overbought) และต่ำกว่า -100 (oversold) ก่อนนี้เราได้ตั้ง Stop loss โดยใช้ Parabolic Sar
หลังจากที่เราเปิดออร์เดอร์ เราต้องตั้ง Stop loss ตาม SAR indicato หลังจากที่เส้น CCI -> CCI hits 100/-100 ถึงจุด เราจะเลิกสนใจ Stop loss หรือ indicator เราจะใช้ แท่งเทียนเป็น Stop loss ซึ่งแสดงบนจอข้างบนนี้ วงกลมสีม่วงคือช่วงที่เราเปลี่ยนมาใช้ Stop loss จากกราฟแท่งเที่ยน เราทำตามแท่งเทียน แต่ละแท่ง จนกว่ามันปิดออร์เดอร์ไปเอง
หลังจากปิดออร์เดอร์ได้เราจะเปิดเทรดใหม่ และทำแบบเดียวกันอีก
การออกจากการเทรดด้วยวิธีนี้ช่วยลดอารมณ์ในการเทรด และหยุดเดาตลาดกลัวสิ่งที่เกิดขึ้น ปล่อยให้มันเป็นไป และเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แม้ว่าตลาดจะไปทิศทางไหน
Happy trading!

Exit strategy #7 (ปล่อยออร์เดอร์เล่นสั้นค้างคืน )
การเทรดเล่นสั้น ๆ ส่วนใหญ่จะปิดออร์เดอร์ภายในวัน อย่างไรก็ตามบางคนอาจจะทิ้งไว้ค้างคืน ซึ่งจะทิ้งคำถามไว้คือ เราจะป้องกันออร์เดอร์ที่เราทิ้งไว้อย่างไร?
Option 1: ให้ Expert Advisor จัดการ
Option 2: ปล่อยให้มันเป็นไป ไปนอน และ มี Stop loss ตั้ง TP ไว้แล้วแต่คุณ
Option 3: ไม่ต้องนอน ตื่นทุก ๆ ชั่วโมง? .
Option 4: ถ้ากำไรก่อนนอน ก็ตั้ง Stop loss ให้จุดคุ้มทุ้น แล้วปล่อยมันไว้
Option 5: ใช้ trailing stop.
วิธีการที่ผมกำลังอธิบายค่อนข้างธรรมดาโดยใช้ Parabolic SAR indicator.
ตั้งค่าที่ (0.1, 0.11) สำหรับทุก Time Frame
เมื่อตั้งออร์เดอร์ค้างคืน ตั้ง Stop loss ที่ Parabolic SAR จุดล่าสุด
การตั้ง trailing stop = ระยะห่างเท่ากับ Parabolic SAR ปัจจุบัน
ลองเทียบ PSAR (0.1, 0.1)และ (0.02, 0.2)ซึ่งมีระยะห่างมากกว่า และใช้ระยะห่างระหว่างสองอันในการคำนวณ Trailing Stop.
เพียงแค่นี้ ถ้าเกิดมีกำไรเราก็ทำกำไรก่อน ถ้าไม่มี เราก็ปล่อยให้ Trailing Stop จัดการ อย่าอดนอนเพราะ Forex
ถ้าคุณมีวิธีอื่น สามารถแนะนำได้ !
การใช้ Martingale อย่างฉลาด
Submitted by Dachel Miqueli
โอเคเริ่มกันเลย
ผมเทรดค่าเงิน GBP/USD เท่านั้น ผมจะรอเวลา 12:45am EST โดยประมาณเพื่อดูว่าไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ราคามีการกระจุกตัวหรือไม่ แล้วเปิดกราฟ 5 นาที และ 30 นาที หรือมากกว่านั้นถ้าคุณต้องการ
วัตถุประสงค์เพื่อต้องการหาแนวต้านแนวรับ เพื่อหาแนวคิดว่า ตลาดจะเป็นอย่างไร และ คุณอาจจะถามว่า ทำไมต้อง Time Frame นั้นด้วย ผมได้ดูตลาดมาเป็นเวลานานและเข้าใจว่าสว่นใหญ่เทรนด์สั้นหรือ เทรนด์ที่เคลือ่นไหวรุนแรงจะเกิดขึ้นหลังจากช่วงเวลาดังกล่าว จึงเป็นเวลาที่เหมาะในการดเทรด ในช่วงเวลานี้ราคาอยู่ใกล้เส้นแนวรับแนวต้าน ที่ผมบอก เราต้องรอให้ราคาถึงแนวรับแนวต้านและถ้ามันชนแนวต้านให้ Sell และถ้าราคาชนแนวรับให้ buy ถ้าราคาอยู่ห่างจากแนวรับแนวต้านก็ให้ส่งคำสั่งในเวลาใกล้กับที่ผมบอกไว้
ผมรู้ว่าคุณยังมีคำถามเกี่ยวกับการเข้าแบบนี้ ผมจะอธิบายแต่ว่า ผมต้องให้คุณเข้าใจว่าสิ่งที่เราจะทำต่อไปคืออะไร เรากำลังที่จะใช้ มาติงเกล อย่างฉลาดก่อน ดังนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าวคือ จะมีการเคลือ่นไหวครั้งใหญ๋เกิดขึ้น และ อีกรอบหนึ่งคือ ประมาณ 2:00am EST 3:00am และ 4:30am ซึ่ง 3:00am จะไม่ค่อยแรงมากดังนั้น ถ้าเรารู้ว่าราคาจะแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ martingale จะขาดทุน แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวราคาจะมีทิศทางชัดเจน ผมไม่สนว่าจะขึ้นหรือลง ผมจะปล่อยให้มันวิ่งเพื่อได้ราคาเท่าทุนหรือ ได้กำไรนิดหน่อย ซึ่งนี่คือแนวคิดที่เราจะใช้ ยิ่งมันไปไกลเท่าไหร่เราจะได้กับไรมากเท่านั้น
ทีนี้มาถึงการใช้ Money management.
เราต้องตั้งค่าความเสี่ยงต่อการเทรด เป็น % เปอร์เซ็นต์นี้ควรยอมรับได้ถ้าขาดทุน? เช่น ถ้าคุณมี 1,000 เหรียญ และ คุณอยากจะเสี่ยง 2.7 % ซึ่งคือ 27 เหรียญ ในตอนท้าย นี่คือจำนวนเงินที่คุณจะเสียได้ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่ดี ทำให้ระบบของเรายังปลอดภัยอยู่ ซึ่งถ้าราคาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงข้ามกับคุณ 5 ครั้ง คือคุณต้องยอมรับผลขาดทุน
การคำนวณของลอทเริ่มต้น ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับคุณแต่คุณต้องใช้ Excel ได้ถ้าคุณต้องการ
ผมเทรดได้51 ครั้งและขาดทุนเพียงแค่ 3 ครั้งซึ่งทำให้ระบบผมชนะ 94 %
ขอให้โชคดี
Dachel Miqueli
(หมายเหตุผู้แปล: คนแปลก็งง ว่ามันอธิบายวิธีส่งคำสั่งแล้วหรือ? แต่อ่านมา พอจะเดาได้ใจความว่า ถ้าใกล้เส้นแนวรับให้ส่ง Buy แล้วก็ส่ง Sell Stop ในระยะห่างที่กำหนดจากความเสี่ยง ใน Lot แบบ Martingale แล้วถ้ากำไรก็ปิด แต่ถ้ามันวิ่งผิดทาง มันก็จะเปิด Sell เบิ้ลอัติโนมัติ หมายความว่ามันไม่ควรจะกลับมาที่เดิมอีก ถ้ามันกลับมา ความเสี่ยงโดยรวมเปิดไม่เกินเบิ้ล 5 ไม้ และ ควรจะเท่ากับ 2 % ของพอร์ททั้งหมด กรณี Sell ก็ทำตรงกันข้ามกับกรณีนี้) คล้าย ๆ Technic Lucky 7 รวมกันกับความเสี่ยงแล้วรวมกันกับจัดเวลาเทรดอีกที
วิธีการออกด้วย #8 ( EMA, SMA ตัดกัน)
Submitted by Obike C. O.
สำหรับระบบของผม ผมใช้เส้น 10SMA, 26EMA & 200SMA ผมพบว่า ระบบ เส้น MA ค่อนข้างน่าเชื่อถือและเหมาะสำหรับตลาดที่มีเทรนด์ ถ้าคุณเข้าใจเรื่องราคาและรูปแบบกราฟ คุณก็จะสามารถได้กำไรมากกว่าขาดทุน
ผมพบระบบใหม่ที่นี่ this new system here (กด CTRL+คลิ๊กขวา) ที่ค่อนข้างน่าสนใจเนื่องจากความธรรมดาของมันและมันเหมาะกับจริตของผม แต่ ของเขามี RVI indicator ซึ่งพบว่าเหมาะกับการระบุการเปลี่ยนเทรนด์หรือว่าใช้การยืนยันในการเปลี่ยนสัญญาณทิศทาง.
จากการศึกษาเพิ่มเติมในระบบที่ธรรมดา การออกจาก position เป็นเรื่องใหญ่ ที่ผมมาอธิบายวันนี้พร้อมกับวิธีการออกจาก position
เมื่อคุณศึกษาพฤติกรรมของระบบ คุณจะพบว่า การออกจาก position หลังจากที่มีการตัดข้ามของ indicator ค่อนข้างจะปลอดภัย แต่ว่าสว่นใหญ่คุณจะต้องขาดทุนกำไรไป ดังนั้นสิ่งที่ผมทำคือ ผมเข้าเทรดตรงนี้แต่ว่าส่งออร์เดอร์ใน lot ที่แตกต่างกันเพราะว่า ถ้าเกิดมันเกิดเปลี่ยนเทรนด์จริงเราก็ยังมีออร์เทรดที่ราคาดี เนื่องจากว่าเราไม่สามารถทำนายราคาได้
ผมมักจะส่งออร์เดอร์แรกด้วยขนาดออร์เดอร์ที่ใหญ่และทำกำไรใกล้กับจุดสูงสุดเดิมหรือ Low เดิมของตลาดใน Time Frame Day หรือ Week และหลังจากนั้นผมส่งออร์เดร์ที่สองเข้าเทรดด้วย lot ที่มีขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ผมอยู่จนถึงการเกิดการตัดข้ามของเส้น MA หรือ RVI ถึงเป้าหมายที่ผมกำหนดไว้ ด้วยสิ่งนี้ ผมไม่ต้องกังวลว่า ผมจะออกได้ในจุดสูงสุดของเทรนด์หรือไม่เพราะว่า ผมทำกำไรไปก่อนแล้ว และเมื่อเทรนด์ยังไปต่อผมปล่อยให้ไม้สองของผมยังวิ่งต่อไป
จากการศึกษาของระบบนี้ของผม ผมสังเกตุเห็นสิ่งต่อไปนี้ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์หลาย ๆ คนที่ใช้ระบบนี้
1. การหาเทรนด์นั้นทำได้ดีและขี่เทรนด์ได้หลายวันหรือหลายสัปดาห์โดยใช้กราฟ 1 ชั่วโมงหรือ 30 นาที
2. หลังจากทีมีการเปลี่ยนเทรนด์หรือจบเทรนด์ ความน่าจะเป็นของการแกว่งตัวเกิดขึ้นบ่อยครั้งดังนั้นเราต้องระวังว่าอย่าเข้าเทรดทันทีทันใด
3. ตลาดนั้นไม่แน่นอนเหมือนกับข้อสอง ซึ่งอาจจะใช้เวลาหลายวัน หรือเป็นสัปดาห์ก่อนจะมีเทรนด์ใหม่เกิดขึ้น บางครั้งเทรนด์อาจจะเกิดในช่วงขึ้นเดือนใหม่
4. ใช้แนวรับและแนวต้านเพื่อให้รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะเข้าเทรดหรือว่าช่วงไหนเป็นช่วงแกว่งตัว หลังจากเกิดเทรนด์ ผมจะวาดเส้น horizontal line ในจุด high ก่อนหน้าและ high ใหม่ กับ Low เสมอเพื่อดูระยะของการแกว่งตัว
ผมได้ backtest ช่วง มกราคม ถึง มิถุนายน 2010 ค่าเงิน EURUSD, GBPJPY GBPUSD ด้วยทุน 1000 USD และได้กำไร 120,000 USD.
สำหรับผม เส้น ma เหมือนจะแม่นยำที่สุดในระยะยาวและระยะสั้น แต่ว่าคุณต้องเข้าใจตลาดดี ฝึก และ ฝึก ๆ ๆ
Obike C. O
Exit strategy #9 (เก็บทุก pip)
นี่เป็นระบบออกจากการเทรดสำหรับคนที่เกลียดการขาดทุนกำไร ซึ่งตลาดเคลื่อนไหวรุนแรง และหายไปทันที(กลับตัวทันใด)
เมื่อราคาพุ่งขึ้นหรือลง มันสร้างแท่งยาว ๆ ในกราฟแท่งเทียน
เทรดเดอร์หลายคนรู้จักมันนี้ แต่ความท้าทายคือ เมือ่คุณมองที่กราฟ คุฯจะบอกได้อย่างไรว่าเมื่อไหร่ที่กราฟแท่งเทียน มันจะหยุด และเมื่อไหร่มันจะไปต่อ
วิธีแก้สามารถใช้ indicator ตัวหนึ่งซึ่งรวมกันระหว่าง Bollinger bands และ Candle Length Volatility เรียกว่า Download: Val_Bands.mq4 (CTRL+คลิ๊กขวา)
Red histogram (เส้นแท่งสีแดง): ความขาวของแท่งเทียน เป็น pips.
Bands: ค่าเฉลี่ยของความยาวของแท่งเทียนพร้อมกับค่า the average of the candle length with standard deviation.
- Yellow band (สีเหลือง: อ่านคำแนะนำข้างบนว่าแต่ละทแงเทียน สูงกว่าปกติหรือไม่ และ นั่นคือเวลาที่เราต้อง Take Profit (อย่าเปิดการเทรดใหม่ตอนนี้)
- Blue band(สีฟ้า): เมื่อแท่งสีแดงเข้าใกล้ หมายถึงช่วงที่กำลังมีเทรนด์
- Pink band(สีชมพู): เมื่อมันอยู่ต่ำกว่าสีชมพู - หมายถึง การแกว่งตัวของตลาด การตัดข้ามขึ้นสีชมพู หมายถึงเทรนด์กำลังเริ่มขึ้น
คุณสามารถใช้มันในการเป็นจุดออกและทำกำไร ใน Time Frame ใดก็ได้ ทุกประเภทของการเทรด จากตั้งแต่ระบบ Scalping 1-5 นาที ไปจนถึง การเทรด 1-4
ความกว้าง(ผันผวน) ของ Band ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปได้ตามความอ่อนไหวของอินดิเคเตอร์
ทิปอื่น ๆ :
1. มันน่าสนใจในการใช้ indicator รวมกับ Volume
2. อีกความคิดหนึ่งจะต้องรวมกับ Divergence เพื่อวิเคราะห์การกลับตัวในตลาด
Edward Revy
Comments
Post a Comment